Iceland
Tang: Aurora Hunting
ตัดภาพย้อนไป ตอนมีโอกาสได้ไปค่ายอาสาที่ต้องกินอยู่ต่างจังหวัดที่ทุรกันดารเป็นเดือน ๆ ชีวิตไม่เคยลำบากและรันทดขนาดนั้น แต่ภายหลังก็พบว่าชีวิตชาวค่ายมันได้อะไรติดตัวมาเยอะแยะมากมายเป็นเหมือนฐานรากของชีวิตเลยทีเดียว หลังจากตรงจุดนั้นก็ได้ใช้ชีวิตตามกรอบมาตลอด จบตรีปุ๊ปต่อโทปั๊ป จบโทปั๊ปทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อไต่บันไดตามสังคมอย่างเมามัน ผ่านมาจนเลือกที่จะจบเส้นทางเดินแห่งการทำเงิน สู่เส้นทางที่จะใช้เงินเพื่อตามฝันเรื่องการท่องเที่ยวและเรียนรู้ชีวิตในหลายแง่มุมขณะที่ตัวเองยังมีแรงและกำลัง
ตัดภาพอีกภาพ ตอนเด็ก ๆ ได้ดูหนังเรื่อง Local hero ที่มี Mark Knopfler ทำเพลงที่โด่งดังชื่อ Going home ในหนังเรื่องนี้มี northern light เป็น background หลายครั้ง (ถึงตอนนี้น่าจะเดาอายุได้แล้ว) ต่อด้วยหนัง The secret life of Walter Mitty ต่อด้วยหนังเรื่อง Land Ho ที่ถ่ายทำที่ Iceland ทำให้คนเดินทางและว่างงานแบบเราใส่ประเทศนี้ไว้ในใจมาพักใหญ่ ๆ
ติดตามเฟสบุ๊ก เครือค่ายจิตอาสามาเป็นปีแล้ว ค่ายอาสาที่ผ่าน ๆ มายังไม่เคยมีส่วนร่วม จนมาวันนึงเปิดเจอ งานจิตอาสาที่ไอซ์แลนด์ นี่มันใช่เลย กำลังจ้องจะไปเลยดินแดนในฝัน อีกทั้งยังได้กลับไปทำงานอาสาที่มีแต่ความทรงจำที่รางเลือนแต่เป็นสิ่งดี ๆ อยู่ในส่วนลึกของจิตใจตลอดเพียงแต่ยังไม่มีโอกาสเริ่มใหม่ จึงตัดสินใจส่งใบสมัคร วันรุ่งขึ้นได้รับการยืนยันให้เข้าร่วมค่ายอาสา โดยเจ้าหน้าที่เครือค่ายจิตอาสาให้โอนเงินค่าสมัคร 6000 บาท, วางสายแล้วก็ตัดสินใจโอนเลย ใจนึงก็คิดว่าโดนหลอกรึเปล่านี่ หาข้อมูลในที่ต่าง ๆ ก็ไม่เจอ แต่ก็บอกตัวเองว่าเอาหนะลองดู หลอกหรือไม่มาลุ้นกัน ที่บ้านตอนแรกก็ห่วงแม้ว่าเราจะเดินทางท่องเที่ยวและทำงานต่างประเทศมาอย่างค่อนข้างจะปรุ แต่เราก็เถียงไปข้าง ๆ คู ๆ จนถึงเวลาเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลสิบกว่าชั่วโมงจนไปถึงว่ามีองค์กรนี้จริงก็เลยเบาใจไป (พอดีเป็นคนแรกของปีนี้ที่ไปเป็นจิตอาสาที่ค่าย aurora hunting and renovation project) ค่ายนี้มีเวลาระยะเวลา 12 วัน อยู่ที่เมืองเล็ก ๆ ทางตะวันออกชื่อ Eskifjörður (จนบัดนี้ยังอ่านชื่อเมืองนี้ไม่ออก) จุดนัดพบอยู่ที่เมืองหลวง Reykjavik ต้องเดินทางด้วยรถผ่านตอนใต้ของประเทศไปเมืองนี้ประมาณ 700 กม. ขาไปได้แวะเที่ยวน้ำตก และทะเลดำอันเลื่องชื่อของประเทศ จนไปถึงค่ายกับเพื่อนร่วมค่ายอีก 12 คน และ leaderคุมค่ายอีก 3 คน
งานที่ค่ายส่วนใหญ่คืองานซ่อมแซมโรงเรียนเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาเป็นระยะนึง เราใช้ไม้ที่ยังสภาพพอนำกลับมาใช้ได้ มาใช้ต่อเติมใหม่ งานที่ทำส่วนใหญ่คืองานไม้โดยการลอกสีไม้เก่าโดยเฉพาะตรงช่วงลิ้นของไม้ที่ต้องนำมาประกบกันเพื่อประกอบเป็นผนังใหม่ เครื่องมือที่มีจำกัดมาก อาจเป็นเพราะงบประมาณที่จำกัดของค่าย, ได้มีงานเพิ่มเติมคือไปช่วยชาวบ้านแถวนั้นปรับพื้นฐานรากของคอกม้า อีกทั้งยังได้ช่วยเก็บขยะท่ามกลางอากาศ -10 องศาหิมะหนาเตอะแถว ๆ หมู่บ้าน
จิตอาสา 12 คนจาก 9 ประเทศ เราได้แบ่งงานกันทำทุกวัน บางส่วนทำกับข้าว บางส่วนล้างจาน และส่วนใหญ่ทำงาน โดยมีอาหารสดและแห้งซึ่งไม่ได้มากมายแต่ก็นับว่าสบายสำหรับการเป็นจิตอาสา พวกเราได้พักอาศัยอยู่ในโรงเรียนที่เราทำงาน อยู่ห้องใหญ่รวมกันทั้งหมด ที่พักเนื่องจากเป็นอาคารเก่าจึงไม่มีห้องอาบน้ำ พวกเราต้องเดินฝ่าหิมะไปกิโลกว่า ๆ เพื่อที่จะได้ไปบ่ออาบน้ำแร่ซึ่งดูเสมือนเป็นสิ่งที่คนท้องถิ่นนิยมทำกันเป็นกิจวัตร
การได้กลับไปอยู่กับจิตอาสาที่อายุน้อย ๆ กันทั้งหมด (ส่วนใหญ่อายุ 20 ต้น ๆ ถึงกลาง ๆ มีทั้งอาสาระยะสั้นแบบพวกเรา และอาสาระยะกลางแบบหลาย ๆ เดือน) ทำให้เราตระหนักคิดได้ว่าเด็กสมัยนี้มีแบบแผนที่เปิดกว้างมากกว่าสมัยเราเยอะ สามารถเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้ ได้เรียนรู้ว่าจิตอาสาแม้ว่าจะอายุต่างกันมากมาย มากันจากที่หลายหลากจากทุกมุมโลก ก็มีความเหมือนกันอยู่หลายอย่าง เป็นความต่างและความเหมือนที่งดงาม อีกทั้งยังซึมซับความสนุกสนาน พลัง ของเด็ก ๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมา 12 วัน มาเติมสีสันให้ชีวิต
การกลับไปอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรแค่ 1000 คน การที่แทบจะไม่มีสิ่งเร้าในเมืองทำให้เราได้กลับไปใช้ชีวิตกับธรรมชาติ หิมะ ภูเขา ทะเล บ่อน้ำร้อน กลางคืนก็นั่งตากลมตากหิมะเฝ้าดูปรากฏการณ์ aurora อย่างเมามัน การอยู่ร่วมกันของคนที่แตกต่างกัน แต่มีใจโอบอ้อมเป็นหนึ่ง การได้ทำงานอาสาที่ไม่ได้ผลตอบแทน โดยใช้แรงงานเป็นหลักหลังจากสวมบทบาทชี้นิ้วสั่งคนมาเป็นเวลาหลายสิบปี เป็นประสบการณ์ที่อิ่มเอมมาก มาถึงตรงนี้บอกเลยความรู้สึกดี ๆ ที่เคยอยู่ลึก ๆ ในใจเหมือนโดนขุดขึ้นมาใหม่ เป็นความทรงจำที่ชัดเจน พร้อมแล้วงานจิตอาสาเราพร้อมจะเริ่มใหม่แล้ว
ขอกระตุ้น ส่งเสริม ให้พวกเราเอาชนะความกลัว ความไม่กล้า ความหวาดหวั่น และอื่น ๆ ลองเปิดใจแล้วลองดูกับประสบการณ์ที่ไม่ได้ซื้อหากันได้ง่าย ๆ มาลองเป็นจิตอาสากันคะ
พี่แตง (จรรยา รัศมีรัตน์)